เริ่มต้นเกมได้เกือบสองนาที แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสทักทายก่อนจากจังหวะของ วาน-บิสซาก้า แต่ดันยิงไม่ดีทำให้บอลเบาเข้ามือ ควีวิน เคลเลเฮอร์ แบบสบายๆ จากนั้นในนาทีที่ 3 มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้โอกาสยิงประตู แต่ เคลเลเฮอร์ โชว์ซูเปอร์เซฟได้อย่างสุดยอด
ทั้งสองทีมแลกกันอย่างสนุก และต่างฝ่ายต่างก็มีโอกาส โดยนาทีที่ 34 แรชฟอร์ด ไหลบอลถวายให้ แม็คโทมิเนย์ ซัดไปติดเซฟ เคลเลเฮอร์ แต่อีกนาทีถัดมา หลุยส์ ดิอาซ มีโอกาสกระชากลากเลื้อยไปจนถึงเขตโทษของ แมนฯ ยูฯ และซัดเต็มข้อแต่ติดเซฟของ อ็องเดร โอนาน่า
นาทีที่ 38 ลิเวอร์พูล ได้เฮ เมื่อ ซาลาห์ ผ่านบอลให้ วาตารุ เอ็นโด ซัดเข้าประตู แต่น่าเสียดายที่ "วีเออาร์" เช็คเป็นลูกล้ำหน้าทำให้ "หงส์แดง" ชวดประตูตีเสมอไป
ในช่วงทดเจ็บ 45+1โจ โกเมซ ไปแย่งบอลจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก่อนจะเปิดเข้าไปในเขตโทษ บอลทะลักมาที่ ดิอาซ ซึ่งผ่านให้ นูนเญซ จัดการซัดอย่างใจเย็นแต่ติดเซฟ โอนาน่า โชคดีที่บอลหล่นมาที่ ซาลาห์ ซึ่งจัดการซัดเข้าไปไม่เหลือซาก ส่งให้ทีมเยือนนำ 2-1 และจากนั้นก็จบครึ่งแรก
ครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด 1 ลิเวอร์พูล 2
ผ่านมานาทีที่ 62 ลิเวอร์พูล ต่อบอลกันอย่างสวยงามก่อนจะจบที่ นูนเญซ ที่ซัดเต็มแรง แต่ โอนาน่า ยังเซฟเอาไว้ได้ หลังจากนั้น "หงส์แดง" ครองเกมได้เหนือกว่าเจ้าบ้าน และพยายามสร้างโอกาสทำประตูอย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะจบสกอร์ยังไม่ค่อยดีนัก
ช่วงนาทีสุดท้ายของการต่อเวลา แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างโอกาสกดดันหลายครั้งหลายหน จนกระทั่ง แรชฟอร์ด ได้บอลหลุดเดี่ยวโล่ง แต่ดันยิงออกเสาไกลอย่างน่าเหลือเชื่อ จบเกมเสมอกัน 2-2 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
เริ่มนาทีแรกของการต่อเวลาพิเศษ อันโตนี่ ได้ลุ้นยิงประตูบริเวณกรอบเขตโทษ แต่ซัดเหินข้ามคานไปนิดเดียว จากนั้น ลิเวอร์พูล พยายามต่อเกม และมีลุ้นเป็นบางจังหวะแต่ก็ยังไม่แม่นยำ
เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาสู่เกมอีกครั้งจากการส่งบอลพลาดโดน แม็คโทมิเนย์ ตัดบอลได้ และส่งให้ แรชฟอร์ด จัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายตีเสมอได้สำเร็จ 3-3